วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตะกรุดพาลีลูบหลังดอกครู ลงมนต์พาลีลูบหลังจับตัวสาว


ตะกรุดพาลีลูบหลังดอกครู ลงมนต์พาลีลูบหลังจับตัวสาว

พร้อมชุดวิชามนตรามหาเสน่ห์หนุมานเกี้ยวนางทั้งห้า ทุกดอกอุดผงหนุมานห้าพันเมีย ผงนางอกแตก ผงห้าร้อยเมีย ผงดอกทองห้าร้อยผัว

สุดยอดวิชามหาเสน่ห์1เดียวในแผ่นดิน พระอาจารย์เวทย์สุรินทร์ ท่านได้ลงอักขระเลขยันต์มหาเสน่ห์ล้วนๆคือ

1.มนต์หนุมานเกี้ยวนางเบญจกาย
2.มนต์หนุมานเกี้ยวนางสุวรรณมัจฉา
3.มนต์หนุมานเกี้ยวนางวานริน
4.มนต์หนุมานเกี้ยวนางสุวรรณกันยุมา
5.มนต์หนุมานเกี้ยวนางนางบุษมาลี กำกับด้วยมนต์หนุมานแปลง (หนุมานแปลงกายเป็นทศกัณฐ์หลอกมีเพศสัมพันธ์กับนางมณโฑ)เป็นสุดยอดแห่งวิชาของชายชาตรีที่ชอบของเสน่ห์แบบเจ้าชู้ตัวจริง หนุมานมีเมียทั้งหมด 5006 คน คือ นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน เบญกาย ธิดาของพิเภก มีบุตรกับหนุมานคือ "อสุรผัด" สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักต์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต) นางมณโฑ ได้ขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ นางสนมอื่นๆอีก 5,000 ตน ที่พระรามประทานหลังจากเสร็จศึกกรุงลงกา และหนุมานได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พญาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา ท่านเสกด้วยมนต์พาลีลูบหลังนางเเก้ว ดาราสวาหะ ได้แสนคาบ
ปลุกธาตุหนุนธาตุจนมั่นใจ ทำได้แค่299ดอกเท่านั้น คาถาปลุกดังนี้ โอมจิตตังพาลีลูบหลังนางเเก้ว ดาราสวาหะ อิตถีสะโยจิตตัง เอหิพันธัง ปิยังมะมะ เสก7จาบ แล้วปลุกด้วยหัวใจหนุมานเกี้ยวนางทั้ง5ดังนี้ หุนุมานะจะสิโย บริกรรมจนขึ้นใจ ท่านว่าใครบริกรรมจิตตั้งมั่นขึ้นเรือนสาวกลางดึกยังหลับกันทั้งบ้านเลย ห้ามใช้ในทางมิจฉาชีพเด็ดขาด เรื่องเสน่ห์ไม่ต้องบรรยายมาก
แรงเห็นผลทันใจใช้ได้ผลจริง


ประวัติอาจารย์เวทย์สุรินทร์ ยอดเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาสายมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม มหาละลวย โชคลาภ ตำรับมนต์เขมร สุดยอดพลังจิตอัศจรรย์ล้ำลึก ผู้เชี่ยวชาญพระเวทย์ปลุกเสกทั้งมนต์ดำและมนต์ขาว พระเวทย์สายสูง และสายล่าง ลูกศิษย์ที่มาหาอยากได้ของเสน่ห์ท่านลงเสน่ห์ให้ อยากได้ของคงกระพันหนังเหนียว แคล้วคลาด มหาอุด ท่านก็ลงให้ ลูกศิษย์อยากได้ของเมตตาค้าขายโชคลาภท่านก็เมตตาลงให้มีโชคลาภกันถ้วนหน้า จึงถือได้ว่าเป็นสุดยอดเกจิผู้ชำนาญในพระคาถา อักขระเลขยันต์ ครบทุกสูตรวิชา จนลูกศิษย์ขนามนามท่านว่าพระอาจารย์เวทย์สุรินทร์จอมขมังเวทย์ ท่านเมตตาต่อศิษย์ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้คนต่างดิ้นรนทำมาหากินจึงต้องการของเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ เสี่ยงดวงเสี่ยงโชคกันมาก ท่านเวทย์สุรินทร์ ก็เมตตาสงเคราะห์ลูกศิษย์ให้สมใจอยากได้สำเร็จทุกประการ ท่านมีลูกศิษย์อยู่ทั่วทุกภาค ทุกระดับชนชั้น แม้แต่ชาวต่างประเทศ มาเลย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ยุโรป อเมริกา หญิงไทยที่ได้สามีชาวต่างชาติล้วนแต่ได้ของดีไปใช้จนได้ดิบได้ดีกันทุกคน บางครั้งลูกศิษย์ที่มาเลย์เอาตะกรุดของท่านราคาแค่หลักร้อยไปให้เช่าที่มาเลย์ดอกละสี่ถึงห้าพันบาทท่านรู้เข้าท่านก็เมตตาไม่ว่าอะไรเขากลับเมตตาบอกว่าเขาต้องเลี้ยงครอบครัว ท่านเมตตาต่อทุกคนมากๆ อาจารย์เวทย์สุรินทร์ แห่งป่าช้าคุ้มหนองแวงคู ขอนแก่น จำวัดอยูเพียงรูปเดียวในช่วงออกพรรษาท่านจะเดินธุดงค์ไปพำนักที่ภูลังกา ภูโน หรือภูพานคำ เป็นประจำทุกปีบางปีก็ข้ามไปฝั่งเขมรเพื่อหาว่านยาหามวลสารตามแต่ที่ท่านจะจัดสร้างเครื่องรางขึ้นมานั่นเอง การศึกษาไสยเวทย์ของท่านเริ่มจากตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรที่วัดกลาง แล้วตามพระอาจารย์ของท่านเป็นชาวสุรินทร์ คือหลวงพ่อโฮม ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อริมรัตนมุนี สมัยนั้นหลวงพ่อริมเป็นยอดพระเกจิเล่นวิชาไสยศาสตร์ หลวงพ่อโฮมซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อริมได้พาสามเณรเวทย์มาอุปัฏฐากหลวงพ่อริมในช่วงออกพรรษาจะมารับใช้ท่านทำอยู่อย่างนี้ถึง5ปีจนหลวงพ่อโฮมสึกไปมีเมีย อาจารย์เวทย์ก็ยังรับใช้และขอศึกษาวิชากับท่านทั้งการฝึกสมาธิ เขียนยันต์ และบทพระคาถามากมายที่สำคัญท่านกำชับไว้ว่าอย่าลืมครู และหมั่นภาวนาหลังจากที่ท่านอุปสมบทแล้วได้ธุดงค์เพื่อไปขอศึกษาวิชากับพระเกจิอาจารย์สายเขมรมากมาย ทั้งพระและฆราวาส และเกจิที่มีชื่อเสียงหนึ่งในนั้นคือ อาจารย์เปล่ง บุญยืน และเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนมนต์ดำสายเขมร มนต์ดำนี้มีทั้งวิชาทำให้รัก ผูกหุ่น ทำยาเสน่ห์ ทำน้ำมันพราย สร้างหุ่นพยนต์ เรียกผี เชิญดวงวิญญาณเชิญเทพ วิชาทำร้ายคนอื่นเช่นเสกหนังควาย เสกตะปู ยาสั่ง ใช้ผีทำคุณไสย์ ส่วนมากเป็นอาจารย์ฆราวาสท่านเรียนเอาหมดแต่ถือสัจจะไม่ใช้มนต์ดำทำร้ายใคร หลังจากกลับมาจากเขมร ท่านได้ไปขอเรียนวิชาดวงธรรม ธรรมบรรลุ จากปู่ธรรมฟั่นแห่งบ้านนาดอกไม้ เลย จนบรรลุธรรมทั้งห้าขั้น และเดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ ในยุคที่ชื่อเสียงหลวงพ่อสมควรกำลังโด่งดังมาก ท่านเป็นชาวเวียดนาม ท่านเรียนวิชาสายเขมรเอาไว้มากมาย พระอาจารย์เวทย์สุรินทร์จึงขอเรียนเอาไว้หมด อาจารย์เวทย์สุรินทร์จึงเดินทางมาพำนักที่ป่าช้าคุ้มหนองแวงคู ในช่วงเข้าพรรษา ส่วนออกพรรษาจะธุดงคปลีกวิเวกตามวิชาธรรมบรรลุของท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น